5 สิ่งรอบตัว ภัยเงียบที่ทำร้ายผิวลูกทุกวัน
top of page

5 สิ่งรอบตัว ภัยเงียบที่ทำร้ายผิวลูกทุกวัน

ต้นเหตุของผื่นแพ้, อาการคันของลูก

อย่างที่ทราบกันดีว่าผิวพรรณของลูกน้อยนั้นเป็นผิวที่มีความบอบบางและต้องระมัดระวังในการดูแล เป็นพิเศษ เพราะหนึ่งในปัญหาใหญ่ ๆ ที่พ่อแม่หลายคนต้องประสบพบเจอก็คือปัญหาเกี่ยวกับผิวพรรณของ ลูกน้อยไม่ว่าจะเป็นผดผื่น อาการคัน รวมไปถึงปัญหาผิวต่าง ๆ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผิวของลูกน้อยนั้นมี มากมายหลายสาเหตุกันเลยทีเดียว แต่ทราบหรือไม่ว่ามีภัยเงียบซึ่งเป็นตัวการที่ท_ร้ายผิวลูกน้อยอยู่ทุกวันที่บอกได้เลยว่าอยู่ใกล้ตัวเป็นอย่างมากและหลายคนอาจคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้เราก็จะมาหาต้นเหตุ ของผื่นแพ้ อาการคัน และปัญหาผิวต่าง ๆ ของลูกน้อยที่อาจเกิดได้จากสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเอามาฝากกัน ซึ่งต้อง บอกว่าไม่เพียงแต่จะเป็นสาเหตุของการทำร้ายผิวลูกน้อยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะยังสามารถก่อให้เกิด ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้ในภายหลังอีกด้วย



ถึงแม้ว่าผิวเด็กนั้นจะมีความนุ่มเนียนละเอียดดูมีสุขภาพดี แต่ในความเป็นจริงแล้วผิวของลูกน้อยนั้น ยังไม่มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะเผชิญสภาวะต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นในวันนี้เราจึง นำเอา 5 สิ่งรอบตัวที่เป็นภัยเงียบในการทำร้ายผิวของลูกอยู่ทุกวี่ทุกวันโดยที่เราไม่รู้ตัวมาฝากกัน เพื่อที่คุณ พ่อคุณแม่จะได้หาวิธีเพื่อปกป้องผิวอันบอบบางของลูกน้อยจากอันตรายของสิ่งรอบตัวเหล่านี้


1. แสงสีฟ้าจากหน้าจอ

เป็นแสงที่เกิดขึ้นจากการใช้งานหน้าจอของอุปกรณ์ไฮเทคต่าง ๆ อย่างเช่นคอมพิวเตอร์ Notebook โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ต Tablet โดยแสงสีฟ้าจากหน้าจอก็จะเป็นแสงที่อยู่ในช่วงคลื่นที่ตาสามารถ มองเห็นได้ (visible light) ซึ่งจะเป็นแสงที่อยู่ในช่วงความยาวคลื่น 400 – 500 นาโนเมตร จึงจัดได้ว่าเป็นแสง ชนิด HEV (High Energy Visible light) ซึ่งก็จัดได้ว่าเป็นคลื่นแสงพลังงานสูงอีกประเภทหนึ่ง แน่นอนว่า ผลเสียที่เกิดขึ้นของแสงสีฟ้าจากหน้าจอก็คืออันตรายที่เกิดขึ้นกับสายตาของผู้ใช้งาน แต่ทราบหรือไม่ว่าก็มีผล ในการทำร้ายผิวของลูกน้อยได้อีกด้วย อันตรายของแสงสีฟ้าจากหน้าจอที่มีต่อผิวพรรณก็มีอยู่มากมายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้น ให้เกิดจุดด่างดำบนใบหน้าซึ่งสามารถเข้าไปทำลายลึกถึงผิวหนังชั้นแท้ (Dermis) ที่มีคอลลาเจน รวมไปถึง สร้างสารอนุมูลอิสระ จึงทำให้เกิดรอยด่างดำและสีผิวไม่สม่ำเสมอรวมไปถึงทำให้ผิวมีสุขภาพอ่อนแอลง นอกจากนี้ก็ยังเข้าไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนที่ช่วยในการนอนหลับ ดังนั้นถ้าหากให้ลูกน้อยอยู่กับ หน้าจอที่มีแสงสีฟ้าเป็นเวลานานมากเกินไป นอกจากจะทำร้ายผิวและดวงตาแล้วก็ยังส่งผลต่อการนอนหลับ อีกด้วย


2. UVA และ UVB

ต้องบอกว่าแสงแดดนั้นเป็นตัวการที่ทำร้ายผิวของลูกน้อยของคุณได้ทุกวันเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งเด็ก ๆ ส่วนใหญ่ก็มักห่วงที่จะเล่นสนุกโดยเฉพาะในพื้นที่กลางแจ้งซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีการตากแดด เป็นเวลานาน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วแสงแดดนั้นมีผลดีต่อสุขภาพเพราะช่วยให้ร่างกายสามารถสังเคราะห์ วิตามินดีและช่วยในการดูดซึมแคลเซียมรวมไปถึงฟอสฟอรัสจึงทำให้กระดูก เส้นผม และฟันให้มีความแข็งแรง แต่ก็ควรที่จะตากแดดในช่วงเช้าเพียงสัปดาห์ละ 10-15 นาทีก็เพียงพอ แต่ถ้าหากปล่อยให้ลูกของคุณสัมผัสกับ แสงแดดมากจนเกินไปก็จะเป็นการทำร้ายผิวอันบอบบางของลูกน้อยได้

รังสีอัลตราไวโอเลต หรือที่เรียกว่า UV โดย UVA (ความยาวคลื่น 320-400 นาโนเมตร) ซึ่งมีช่วงคลื่นที่ ยาวสามารถผ่านทะลุชั้นหนังกำพร้าเข้าไปถึงชั้นหนังแท้ได้ จึงเป็นตัวการที่ทำให้เกิดผิวหนังเหี่ยวย่น ผิวคล้ำ เกิดฝ้า กระ และก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ในขณะที่ UVB (ความยาวคลื่น 290-320 นาโนเมตร) ก็จะท าให้ผิว ไหม้แดด เกิดอาการบวมแดงปวดแสบปวดร้อน ผิวแห้งกร้าน รวมไปถึงเกิดผดผื่นขึ้นมาได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ จึงควรที่จะเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันแสงแดดให้กับลูกของคุณเมื่ออยู่กลางแจ้งเพื่อเป็นการปกป้องผิวพรรณที่ บอบบางของลูกน้อยจากอันตรายของแสงแดด


3. คลื่นแสงพลังงานสูง

หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าคลื่นแสงพลังงานสูงเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด โดยคลื่นแสงพลังงาน สูงก็จะเรียกว่า HEV (High Energy Visible light) ซึ่งอยู่ในกลุ่มของแสงที่มองเห็นได้หรือ Visible Light ซึ่งก็มี มานานพอ ๆ กับรังสี UV กันเลยทีเดียว โดยมีงานวิจัยที่พิสูจน์ได้ว่าคลื่นแสงพลังงานสูงนี้มีผลต่อสภาพผิวใน การทำให้ผิวนั้นแก่ก่อนวัย เนื่องจากสามารถทะลุผ่านไปได้ถึงชั้นหนังแท้ของผิวหนัง และส่งผลเสียกับผิวหนัง ได้คล้ายกับ UVA และ UVB ในการท าให้เกิดรอยดำและอาจนำไปสู่สภาวะต่าง ๆ เช่นจุดด่างดำ ฝ้า รวมไปถึง การเกิดรอยดำหลังการอักเสบได้


4. ฝุ่น PM 2.5

นอกจากแสงแดดแล้วสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คืออากาศที่อยู่รอบตัวเราและมอบตัวลูกน้อยของคุณ ซึ่งในอากาศนี่ล่ะที่เต็มไปด้วยภัยเงียบที่คอยทำร้ายผิวของลูกน้อยรวมไปถึงมีผลต่อสุขภาพอีกด้วย โดยเฉพาะ อากาศในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยฝุ่น PM 2.5 ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดผลเสียกับสุขภาพร่างกายแล้ว ก็ยังเป็น ตัวการที่ทำร้ายผิวลูกน้อยของคุณได้อีกด้วย จากการศึกษาพบว่าฝุ่น PM 2.5 สามารถเข้าไปทำลายเซลล์ผิวหนังของคนเราได้ ซึ่งฝุ่น PM 2.5 นั้น ก็จะทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระที่จะทำลายเซลล์ผิวชั้นนอกรวมไปถึงเซลล์ผิวชั้นในทำให้เกิดการเสื่อมสภาพ เกิดการสูญเสียโปรตีนภายในเซลล์ผิวหนัง นอกจากนี้ก็ยังมีรายงานออกมาว่าฝุ่น PM 2.5 นั้นสามารถทำให้เกิด โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบ โรคผิวหนังที่เกิดจากการอักเสบ เซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพทำให้เกิดริ้วรอยและผิว เหี่ยวก่อนวัย จุดด่างดำบนใบหน้า รูขุมขนอุดตันอันเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิว นอกจากนี้ก็ยังสามารถก่อให้เกิด มะเร็งผิวหนังรวมไปถึงอันตรายต่อเส้นผมได้อีกด้วย


5. โลหะหนักในอากาศ

นอกจากฝุ่น PM 2.5 แล้ว ก็ยังมีโลหะหนักในอากาศที่เป็นภัยเงียบในการทำร้ายผิวของลูกน้อย ซึ่ง บอกได้เลยว่าโลหะหนักในอากาศนั้นนอกจากจะก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อร่างกายแล้วก็ยังส่งผลเกี่ยวกับ ระบบการหายใจรวมไปถึงผิวหนังได้อีกด้วย โดยโลหะหนักในอากาศก็จะปนเปื้อนอยู่ในฝุ่นละอองทั่วไปที่ เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่น รวมไปถึงการก่อสร้าง และโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งโดยปกติแล้วมนุษย์เราก็จะรับเอาโลหะหนักในอากาศเข้าสู่ร่างกายได้โดยการ หายใจ รวมไปถึงการสัมผัสทางผิวหนังและนัยน์ตา นอกจากนี้ในฝุ่น PM 2.5 ก็ยังมีการตรวจพบโลหะหนักใน อากาศปนเปื้อนอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งนอกจากจะมีผลต่อสุขภาพระบบการหายใจ โลหะหนักในอากาศนั้นก็ยังเป็น ตัวการที่ทำให้ผิวของลูกน้อยเกิดผื่นแพ้ อาการคันได้อีกด้วย

บอกได้เลยว่าทั้ง 5 สิ่งรอบตัวเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราแทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้กันเลยทีเดียว ดังนั้นเพื่อความ ปลอดภัยของทั้งตัวคุณเองและลูกน้อยก็ควรที่จะมีการป้องกันอันตรายที่เกิดจากสิ่งรอบตัวต่าง ๆ วันนี้เพื่อให้ เกิดผลกระทบต่อร่างกายได้น้อยที่สุด ซึ่งก็สามารถทาได้ทั้งการใช้ครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด รวมไปถึงการใช้ อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใส่หน้ากากทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน ใส่หมวกหรือกางร่มเมื่อต้องอยู่ในที่แจ้ง

bottom of page