top of page

RSV ในเด็ก คืออะไร อันตรายแค่ไหน คุณพ่อคุณแม่ควรรู้และเฝ้าระวัง!!

ในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว เชื้อไวรัสหลายชนิดมักแพร่ระบาดได้ง่าย โดยเฉพาะในเด็กเล็ก หนึ่งในโรคที่คุณพ่อคุณแม่ได้ยินบ่อยในช่วงนี้คือ RSV ในเด็ก โรคที่อาการอาจเริ่มต้นคล้ายกับ “ หวัดธรรมดา ” แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ทันสังเกต อาจลุกลามจนเป็นปอดบวม หรือหลอดลมอักเสบได้ และท้ายที่สุดอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้


RSV ในเด็ก

บทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความรู้จัก RSV ในเด็ก ตั้งแต่สาเหตุ อาการ อันตราย การรักษา วิธีดูแล ไปจนถึงการป้องกัน เพื่อให้พร้อมเฝ้าระวังและปกป้องลูกน้อยได้อย่างถูกต้อง


RSV ในเด็ก คืออะไร

RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus คือเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง มักแพร่ระบาดในช่วงฤดูฝนจนถึงฤดูหนาว เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญ เนื่องจากภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงเท่ากับผู้ใหญ่มากนัก ซึ่ง RSV มักทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาด้วย ไม่ว่าจะเป็น หลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis) และ ปอดอักเสบ (Pneumonia) นอกจากจะเสี่ยงมากๆ ในเด็กเล็กแล้ว RSV นั้น ก็ยังสามารถติดเชื้อในผู้ใหญ่ได้เช่นกัน แต่อาการมักจะไม่รุนแรง ทั้งนี้ผู้สูงอายุ ก็มีความเสี่ยงสูงเหมือนกับเด็กเล็กเช่นกัน

RSV ติดต่อ

เชื้อ RSV แพร่กระจายได้ง่ายผ่านสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ หรือแม้แต่การไอจาม

  • ติดต่อโดยตรง : อยู่ใกล้ชิดกับคนที่ไอหรือจาม

  • ติดต่อทางอ้อม : สัมผัสของเล่น ลูกบิดประตู หรือสิ่งของที่มีเชื้อ จากนั้นนำมือมาสัมผัสตา จมูก หรือปาก

โดยระยะฟักตัวของ RSV ประมาณ 2–8 วัน  และนี่ก็คือเหตุผลที่เด็กเล็กในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียนอนุบาล มักติดต่อกันง่ายนั่นเอง


อาการของ RSV ในเด็ก

อาการของ RSV ในเด็กอาจเริ่มต้นเหมือนกับ “ ไข้หวัดธรรมดา ” ทำให้หลายครอบครัวไม่ทันสังเกต แต่สิ่งที่ควรใส่ใจคือ โรคนี้สามารถลุกลามได้เร็ว โดยเฉพาะในทารกและเด็กเล็ก

อาการระยะแรก : คล้ายหวัด

  • มีไข้ต่ำ ๆ

  • น้ำมูกไหล

  • ไอเล็กน้อย

  • เจ็บคอ ปวดหัว

  • เบื่ออาหาร ดื่มนมน้อยลง


อาการ RSV

อาการรุนแรงขึ้น : ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด และควรพบแพทย์ทันที

  • ไอมาก ไอรุนแรง หอบ เหนื่อย

  • หายใจแรง มีเสียงครืดคราด (เสียงเสมหะในปอด)

  • หายใจเร็ว หน้าท้องบุ๋ม ปีกจมูกบาน

  • ปากหรือปลายมือ ปลายเท้า เริ่มมีสีเขียวคล้ำ

  • ไม่กินนมหรือน้ำ


RSV ในเด็ก อันตรายแค่ไหน

แม้เด็กหลายๆ คนที่ติดเชื้อ RSV จะหายเองได้ แต่ในบางราย โดยเฉพาะ เด็กทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน เด็กคลอดก่อนกำหนด และเด็กที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหัวใจ หรือปอด หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ อาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาได้

ภาวะแทรกซ้อน RSV
  • หลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis) : ส่งผลให้เด็กหายใจลำบากมาก

  • ปอดบวม (Pneumonia) : เสี่ยงต้องนอนโรงพยาบาล

  • หูชั้นกลางอักเสบ (Otitis Media) : หากการติดเชื้อแพร่กระจายไวรัสไปยังหลังแก้วหู เสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการหูน้ำหนวกได้

  • โรคหอบหืด : ในเด็กที่ติดเชื้อ RSV อาจส่งในต่อเนื่องในระยะยาว ทำให้มีโอกาสเป็นโรคหอบหืดได้อนาคต

  • ภาวะพร่องออกซิเจน หรือภาวะหายใจล้มเหลว :  อันตรายถึงชีวิต หากไม่ได้รับออกซิเจนช่วยได้ทันเวลา


การดูแลรักษา RSV ในเด็ก

ในปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถฆ่าเชื้อ RSV โดยตรง การรักษาจึงเน้นไปที่การดูแลตามอาการและให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อเอง สำหรับในกรณีที่อาการไม่รุนแรง คุณแม่สามารถดูแลที่บ้านได้ตามที่คุณหมอวินิจฉัย โดยคุณพ่อคุณแม่ควรทำดังนี้


การดูแล RSV

  • ให้ยาลดไข้ หากมีไข้สูง

  • ให้ลูกพักผ่อนเพียงพอ

  • ให้ดื่มน้ำ หรือดูดนมบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ

  • หมั่นวัดไข้และเฝ้าสังเกตอาการหอบเหนื่อย

  • ทำให้เด็กหายใจสะดวก ซึ่งเด็กเล็กมักจะมีอาการของหลอดลมตีบ มีเสมหะเหนียวข้นมาก อาจจะต้องทำการพ่นยา หรือต้องมีการดูดน้ำมูก หรือใช้น้ำเกลือล้างจมูก

โดยทั่วไป เด็กที่ติดเชื้อ RSV จะมีอาการนานประมาณ 1–2 สัปดาห์ และส่วนใหญ่จะหายเอง แต่หากลูกเริ่มมีอาการหายใจลำบาก ไม่กินนม ไข้สูงต่อเนื่อง หายใจมีเสียงหวีดๆ หน้าซีด ปากเขียว ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที  เพื่ออยู่ให้คุณหมอวินิจฉัยและรักษาได้ทันท่วงที


วิธีการป้องกันลูกน้อยจาก RSV

แม้ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน RSV ที่ใช้กับเด็กทั่วไป แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถลดความเสี่ยงได้ดังนี้


วิธีป้องกัน RSV

  • ให้ลูกน้อยล้างมือบ่อยๆ ไม่ว่าจะจับสิ่งใดก็ตาม รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ก็ควรล้างมือเสมอก่อนสัมผัสลูกน้อย

  • ทำความสะอาดของเล่น ของใช้เป็นประจำ

  • หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้คนที่มีอาการไอจาม

  • หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดช่วงที่มีการระบาด

  • สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องพาลูกออกนอกบ้าน

  • ฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV ลดการติดเชื้อ หรือลดความรุนแรงในการเจ็บป่วยลงได้ โดย -          เด็กแรกเกิด – 12 เดือน ฉีด 1 เข็ม

    -          เด็กอายุ 12 – 24 เดือน ฉีด 2 เข็ม

    และควรฉีดปกป้องก่อนถึงฤดูกาลระบาด คือช่วงประมาณเดือนมิถุนายน - ตุลาคม ของทุกปี โดยการฉีดภูมิคุ้มกันนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ


FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ RSV ในเด็ก

Q : RSV ในเด็กหายเองได้ไหม ? A : เด็กส่วนใหญ่หายได้เองภายใน 1–2 สัปดาห์ แต่ควรเฝ้าสังเกตอาการใกล้ชิด Q : RSV ต่างจากไข้หวัดใหญ่ยังไง ? A : RSV มักทำให้มีเสมหะมาก หายใจครืดคราด และเสี่ยงปอดอักเสบในเด็กเล็ก ขณะที่ไข้หวัดใหญ่มักมีไข้สูง ปวดเมื่อยร่างกาย Q : RSV ระบาดช่วงไหน ? A : มักระบาดในฤดูฝนต่อเนื่องถึงฤดูหนาว (ประมาณเดือนสิงหาคม–กุมภาพันธ์) Q : ลูกเคยติด RSV แล้ว จะติดซ้ำได้ไหม ? A : ได้ เชื้อนี้สามารถติดซ้ำได้ตลอดชีวิต แต่เด็กโตขึ้นอาการมักไม่รุนแรง

RSV ในเด็ก เป็นโรคที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม เพราะแม้อาการเริ่มต้นจะคล้ายหวัด แต่สามารถลุกลามจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะในทารกและเด็กเล็กที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง

การเฝ้าระวัง สังเกตอาการ และพาลูกไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ คือกุญแจสำคัญในการลดความรุนแรงของโรคนี้ และเหนือสิ่งอื่นใด “ การป้องกัน ” คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ลูกน้อยปลอดภัยจาก RSV

Comments


bottom of page