กลากน้ำนม กับ ด่างขาว ลักษณะอาการมีความคล้ายคลึงกันก็จริง แต่หลาย ๆ คนอาจยังไม่ทราบว่าจริง ๆ แล้ว ทั้ง 2 โรคนี้มีความแตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นโรคบนผิวหนังเหมือนกันก็ตาม วันนี้เรามาดูกันว่าทั้ง 2 โรคนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร และมีวิธีสังเกตอย่างไรว่ารอยขาวด่างบนผิวของเรานั้น เป็นโรคกลากน้ำนม หรือเป็นโรคด่างขาวกันแน่
กลากน้ำนม และ ด่างขาว คือ
ก่อนที่จะไปดูว่าทั้ง 2 โรคแตกต่างกันอย่างไรบ้างนั้น มาดูกันก่อนว่า แต่ละโรคคืออะไร มีลักษณะอาการอย่างไรกันบ้าง
กลากน้ำนม คือ
กลากน้ำนม (Pityriasis Alba) เป็นโรคผิวหนังที่มีลักษณะเป็นรอยด่างสีขาวหรือสีจางกว่าผิวหนังปกติ สามารถเกิดได้ในทุกช่วงอายุ ทุกเพศทุกวัย แต่มักพบมากในเด็กและวัยรุ่นอายุประมาณ 3-14 ปี
ลักษณะอาการของกลากน้ำนม
รอยด่างสีขาวหรือสีจางที่ปรากฏบนผิวหนัง มักมีขนาดไม่ใหญ่มาก รอยด่างอาจมีขอบที่ไม่ชัดเจน มักมีขุยบางๆ ติดอยู่ โดยทั่วไปไม่ค่อยมีอาการคันหรืออาการอักเสบร่วมด้วย อาจเกิดอาการในช่วงเวลาหนึ่งและค่อย ๆ หายไปเอง โดยลักษณะมักจะเป็นรูปทรงกลมหรือรูปไข่ กลากน้ำนมนั้นมักพบบริเวณใบหน้า แก้ม คาง หน้าผาก ลำคอ รวมถึงลำตัวและแขน ขา
ซึ่งสาเหตุที่เกิดกลากน้ำนมนั้นยังไม่แน่ชัด อาจเกิดได้หลายปัจจัย แต่เชื่อกันว่าอาจเกิดจากการแพ้แสงแดด แพ้ลม ขาดสารอาหาร หรือการติดเชื้อแบคทีเรีย การอักเสบเล็กน้อย ก็ทำให้เม็ดสีเมลานินเสื่อมสภาพได้ รวมไปถึงอาจเกิดจากผิวขาดความชุ่มชื้น ทำให้เกิดรอยด่างขาวได้นั่นเอง
วิธีการดูแลกลากน้ำนม
เน้นการใช้ครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น เพื่อลดอาการผิวแห้ง ทำผิวหนังอักเสบ เลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรง ควรใช้ครีมกันแดดอยู่เป็นประจำ เพื่อลดการเกิดรอยด่างขาว ลดการแพ้แสงแดดได้ โดยทั่วไปแล้วกลากน้ำนมมักจะไม่เป็นอันตราย และจางหายได้เองเมื่อโตขึ้น
ด่างขาว คือ
ด่างขาว (Vitiligo) เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ทำให้เกิดรอยด่างขาวบนผิวหนัง เนื่องจากการสูญเสียเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ผิวหนังมีสีปกติ ไม่สามารถสร้างเม็ดสีได้ตามปกติ จึงทำให้เป็นโรคด่างขาว สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย มักพบมากช่วงอายุ 10-30 ปี
ลักษณะอาการของด่างขาว
รอยด่างขาวที่เกิดขึ้นมักจะมีลักษณะเป็นบริเวณที่สีผิวจางหรือขาวทั้งหมด มีขอบที่ค่อนข้างชัดไม่มีขุย มีอาการคันร่วมบ้างเล็กน้อย บริเวณที่เป็นด่างขาวมักจะมีความไวต่อแสงแดดมาก เนื่องจากขาดเม็ดสีเมลานินที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV มีลักษณะเป็นรูปวงกลม รูปไข่ หรือไม่สม่ำเสมอ สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย แต่พบมากในบริเวณใบหน้า มือ เท้า ข้อศอก และเข่า นอกจากนี้ยังอาจเกิดขึ้นที่เยื่อบุของร่างกาย เช่น ปาก หรือบริเวณอื่น ๆ เช่น หนังศีรษะหรือเส้นผมที่อาจกลายเป็นสีขาวอีกด้วย
สาเหตุเกิดจากการทำลายหรือการสูญเสียเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง รวมถึงมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ เกิดจากพันธุกรรม หรืออาจเกิดจากปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม ความเครียด หรือการบาดเจ็บที่ผิวหนังก็เป็นได้เช่นกัน
วิธีการดูแลรักษาโรคด่างขาว
ด่างขาวเป็นโรคที่ไม่สามารถหายเองได้ จำเป็นต้องใช้การทายา หรือทาครีมที่มีส่วนกระตุ้นการสร้างเม็ดสี รวมไปถึงใช้วิธีการฉายแสงอัลตราไวโอเลต (UV) เพื่อกระตุ้นการสร้างเม็ดสี หรือวิธีการปลูกถ่ายเซลล์เม็ดสีไปยังบริเวณที่เป็นด่างขาว หรืออาจใช้เครื่องสำอางในการปกปิดรอยด่างขาว ทำให้สีผิวบริเวณนั้นสม่ำเสมอกัน
โรคด่างขาวนี้ มีผลกระทบต่อจิตใจค่อนข้างสูง เพราะเป็นเรื่องของรูปลักษณ์ อาจทำให้ผู้ที่เป็นเกิดความเครียด ความกังวลต่าง ๆ ตามมาได้ ผู้ใกล้ชิดจำเป็นต้องให้กำลังใจผู้ป่วยอยู่เสมอ
ข้อสรุปความแตกต่างระหว่างโรคกลากน้ำนมกับโรคด่างขาว
กลากน้ำนมและด่างขาวมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของสาเหตุ การแสดงอาการ และการรักษา เทียบให้เห็นชัดดังตารางนี้
หากสงสัยว่าเป็นโรคอะไร ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
Comments