ผื่นแพ้น้ำลายยุง ที่มาพร้อมหน้าฝน คุณแม่ต้องระวัง!!
top of page

ผื่นแพ้น้ำลายยุง ที่มาพร้อมหน้าฝน คุณแม่ต้องระวัง!!

ผื่นแพ้น้ำลายยุง เป็นอีกหนึ่งผื่นแพ้ที่ลูกน้อยจะเป็นกันได้ง่าย มักพบบ่อยในเด็กอายุ 2-10 ขวบ เนื่องจากภูมิคุ้มกันของลูกน้อยนั้นยังมีน้อยอยู่ คุณพ่อคุณแม่จะสังเกตได้เลยว่ายุงชอบกัดเด็กเล็ก ๆ ก็เพราะเหตุนี้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรระวังให้ดี โดยเฉพาะในหน้าฝนแบบนี้ มักจะเกิดแหล่งน้ำขังจนเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงได้ง่ายมากอีกด้วย


ผื่นแพ้น้ำลายยุง ตุ่มยุงกัด


ผื่นแพ้น้ำลายยุงนั้น แม้ว่าจะไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรงสำหรับลูกน้อย แต่ก็สามารถสร้างรอยดำ และอาการคันให้ลูกน้อยรู้สึกไม่สบายตัวได้ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับผื่นแพ้ชนิดนี้กันก่อนเลยว่ามันคืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร พร้อมทั้งเราจะมีวิธีดูแลรักษาอย่างไรได้บ้าง


ผื่นแพ้น้ำลายยุงคือ เกิดจากการที่ลูกน้อยถูกยุงกัดแล้วเกิดอาการแพ้ โดยในระหว่างที่ยุงกำลังดูดเลือดอยู่นั้น ก็จะปล่อยน้ำลายเข้าสู่ผิวบริเวณที่กัด ซึ่งมีงานวิจัยบอกว่าในน้ำลายของยุงจะมีสารโปรตีนบางอย่างที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดเป็นผื่นคัน จนทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังนั่นเอง



ตุ่มยุงกัด ตุ่มบวมแดง


ลักษณะของผื่นแพ้น้ำลายยุง


เวลาที่คุณพ่อคุณแม่โดนยุงกันนั้น มักจะสังเกตได้ว่ามีตุ่มนูนแดงขึ้นเล็กน้อย และจะหายไปได้เองในเวลาต่อมา แต่ในกลุ่มคนหรือเด็กเล็กที่มีอาการแพ้น้ำลายยุงนั้น จะมีอาการที่รุนแรงกว่า รวมถึงมีอาการอื่นร่วมด้วย ดังนี้

  • มีตุ่มบวมแดง และมีลักษณะใหญ่กว่าปกติทั่ว ๆ ไป เป็นอยู่หลายวันไม่ยุบลง โดยตุ่มยุงกัดของคนที่ไม่มีอาการแพ้ มันจะค่อย ๆ ยุบลงหลังจาก 20 นาทีไปแล้ว

  • ในเด็กบางราย อาจจะมีอาการตุ่มเป็นน้ำพอง หรือเป็นรอยจ้ำเลือด ในบริเวณที่ลูกน้อยถูกยุงกัด

  • มีอาการคันรุนแรง จนลูกน้อยเกา เมื่อยิ่งเการุนแรงมาก ผิวบริเวณนั้นก็อาจจะเป็นแผล และอักเสบมากขึ้น จนกลายเป็นแผลเป็นได้

  • อาการแพ้อื่น ๆ เช่น ตาบวม ปากบวม เป็นต้น

ในกลุ่มเด็กบางรายที่มีอาการแพ้มาก ๆ อาจจะมีอาการของผื่นลมพิษร่วมด้วย ซึ่งจะขึ้นทั่วบริเวณร่างกาย รวมไปถึงอาจจะมีอาการหมดสติได้ มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจากการเกานั่นเอง



ผื่นยุงกัด ตุ่มยุงกัด


วิธีดูแลรักษา เมื่อลูกน้อยมีการแพ้น้ำลายยุง หรือ ถูกยุงกัด

  • ล้างน้ำ ทำความสะอาดผิวลูกน้อย บริเวณที่ถูกยุงกัดด้วยน้ำอุ่น และสบู่ทันที แนะนำให้ล้างอย่างน้อย 1-2 ครั้ง

  • ทายา หรือครีม ที่มีส่วนช่วยในการลดอาการคันได้ เช่น คาลาไมน์ , ครีมสูตรแพทย์ เป็นต้น โดยให้ทาซ้ำบริเวณที่มีตุ่มบวมแดงในระหว่างวันด้วย

  • ประคบเย็น อาจจะใช้เป็นถุงน้ำแข็ง หรือผ้าชุบน้ำเย็น ประคบลงบริเวณที่ลูกน้อยถูกยุงกัดประมาณ 2-3 นาที เพื่อลดอาการลงได้

  • หลีกเลี่ยงการเกา ตรงนี้นั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยระวังให้ดี ไม่ควรให้ลูกน้อยเกาบริเวณที่ยุงกัดเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดเป็นแผล และติดเชื้อรุนแรงขึ้นได้ แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ตัดเล็บของลูกน้อยให้สั้นเลยจะดีที่สุด

  • ในกลุ่มเด็กที่มีอาการแพ้มาก ๆ ให้รับประทานยาแก้ปวด หรือยาต้านฮิสตามีน (Antihistamine) เพื่อลดอาการแพ้ แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรรีบนำลูกน้อยไปพบแพทย์ทันที เพราะนั่นอาจจะเป็นสัญญาว่าติดเชื้อนั่นเอง

วิธีดูแลเหล่านี้เป็นวิธีดูแลหลังลูกน้อยโดนยุงกัดแล้ว แต่จะดีกว่าไหม ถ้าคุณพ่อคุณแม่ดูแลสภาพแวดล้อมไม่ให้มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุง จนมาทำร้ายลูกน้อยได้ เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันดูแลไม่เห็นมีน้ำขังที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในบริเวณบ้าน และควรหาวิธีป้องกันไม่ให้ลูกโดนยุงกัดด้วยจะดีที่สุด



ครีมทาผื่นเด็กทุกชนิด


ขอแนะนำผลิตภัณฑ์สำหรับทาผื่นแพ้นำลายยุง

BABY EVERYDAY FACIAL CREAM ครีมบำรุงผิวหน้า สูตรแพทย์ ที่สามารถนำมาใช้ทาบริเวณตุ่มบวมแดงจากยุงกัดได้ ในสูตรนี้จะมี Anti - inflammation , Anti – irritation ที่ช่วยในการลดผดผื่นได้ทุกชนิด และยังบรรเทาอาการคัน อาการแพ้ อาการอักเสบได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ นอกจากนี้ก็ยังเสริมเซรามายด์ 1,2,3,5,6 และกรดอะมิโน 17 ชนิด ตามธรรมชาติของผิวเด็ก เพื่อเสริมชั้นผิวให้แข็งแรงขึ้น ไม่เกิดการแพ้หรือระคายเคืองง่ายอีกด้วย

เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่ใช้ทาลงบริเวณที่เป็นตุ่มบวมแดงทุกครั้งหลังอาบน้ำ หรือทาทันทีเมื่อทำความสะอาดผิวบริเวณนั้นแล้ว และสามารถทาซ้ำในระหว่างวันได้ด้วย ตุ่มผื่นแพ้ของลูกน้อยจะค่อย ๆ ยุบหายไป เนื่องจากผลิตภัณฑ์สูตรนี้เป็นสูตรแพทย์ที่ได้ผ่านการรับรองจากแพทย์ผิวหนังชั้นนำจากประเทศฝรั่งเศสแล้วว่า ไม่มีสารสเตียรอยด์ ไม่มีมีส่วนผสมของยา จึงทำให้ผื่นค่อย ๆ ยุบช้า ๆ โดยไม่ทิ้งรอยดำไว้บนผิวหนังเลยนั่นเอง




ขอบคุณข้อมูลจาก : hellokhunmor, amarinbabyandkids

bottom of page