กลาก เกลื้อน ในเด็ก มีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร และมีวิธีรักษาอย่างไร
- regagar
- 2 days ago
- 1 min read
ผื่นวงกลม ผิวลอก ขุยขาว หรือรอยด่างขาวบนผิวลูกน้อย อาจไม่ใช่เรื่องเล็ก จะใช้กลาก เกลื้อน หรือไม่ แล้วทั้ง 2 อย่างนี้คือโรคเดียวกันหรือไม่ หรือมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง วันนี้เราขอชวนคุณพ่อคุณแม่มาทำความรู้จักกับ “ กลาก เกลื้อน ” ในเด็ก พร้อมวิธีดูแลที่ถูกต้อง ป้องกันไม่ให้ลุกลามและกลับมาเป็นซ้ำอีกครั้งกันดีกว่า

กลาก เกลื้อน คืออะไร
“ กลาก ” และ “ เกลื้อน ” เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา ที่เป็นคนละโรคกัน อธิบายได้ดังนี้
กลาก (Ringworm / Tinea) : เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรากลุ่ม Dermatophytes มักพบบริเวณที่ผิวหนังเปียกอับชื้น เช่น ขาหนีบ แขน ขา หนังศีรษะ ฯลฯ
เกลื้อน (Tinea versicolor) : เกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Malassezia ที่มีอยู่ตามธรรมชาติบนผิว แต่เติบโตมากผิดปกติ ทำให้เกิดรอยด่างขาวหรือคล้ำ
แม้ทั้ง 2 โรคนี้มีชื่อที่คล้ายกัน แต่สาเหตุ ลักษณะผื่น และบริเวณที่พบบนร่างกายที่แตกต่างกันออกไป

ความแตกต่างของ กลาก เกลื้อน ในเด็ก
กลาก (Ringworm / Tinea)
ต้นเหตุ : เชื้อรา Dermatophytes
ลักษณะของผื่น : ผื่นวงกลม แดง มีขอบนูน ผิวลอก ขุย
อาการร่วมอื่นๆ : คันมาก โดยเฉพาะเวลากลางคืน
บริเวณที่พบบ่อย : ศีรษะ แขน ขา ลำตัว ขาหนีบ
การติดต่อ : ติดต่อได้จากการสัมผัสโดยตรง หรือการใช้ของร่วมกัน
การลุกลาม : หากไม่รักษา อาจลุกลามและแพร่กระจายได้
เกลื้อน (Tinea versicolor)
ต้นเหตุ : เชื้อรา Malassezia
ลักษณะของผื่น : ผื่นแบน มีรอยด่างขาวหรือคล้ำ ผิวเรียบ ไม่มีขอบนูน
อาการร่วมอื่นๆ : อาจไม่คัน หรือคันเล็กน้อย
บริเวณที่พบบ่อย : ลำตัว หลัง ไหล่
การติดต่อ : ไม่ติดต่อสู่ผู้อื่น
การลุกลาม : มักไม่ลุกลามรุนแรง
สาเหตุที่ทำให้เด็กเป็นกลาก เกลื้อนได้ง่าย
เด็กมีระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่สมบูรณ์
ชอบวิ่งเล่นจนเหงื่อออก ผิวชื้นตลอดเวลา
ใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว หมอน เสื้อผ้า
ไม่อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังออกกำลังกาย หรือวิ่งเล่นจนมีเหงื่อชื้นมาก
อยู่ในสภาพแวดล้อมร้อนชื้น เช่น ช่วงหน้าฝน หรือฤดูร้อน

วิธีรักษา กลาก เกลื้อน ในเด็ก
พบแพทย์เพื่อวินิจฉัย : แม้กลาก เกลื้อน จะไม่ใช่โรครุนแรง แต่ควรให้แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคใด เพื่อให้การรักษาตรงจุด และป้องกันการแพร่กระจาย
ใช้ยาทาต้านเชื้อรา :
- กลาก : ใช้ยาทากลุ่มต้านเชื้อรา เช่น Clotrimazole, Miconazole ทาวันละ 2 ครั้งนาน 2–4 สัปดาห์
- เกลื้อน : ใช้ ยาทาที่มี Selenium sulfide หรือ Ketoconazole หรือล้างบริเวณที่เป็นด้วยแชมพูยาตามคำแนะนำของแพทย์
กรณีเป็นหลายจุดหรือลุกลามมาก : อาจต้องใช้ยารับประทานต้านเชื้อรา ภายใต้การดูแลของแพทย์
ห้ามเกา : เพราะอาจทำให้ลุกลามกระจายไปได้ และอาจจะทำให้ผิวอักเสบได้อีกด้วย
ห้ามใช้ยาสเตียรอยด์เอง : เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง และเชื้อราเติบโตมากขึ้น และการใช้ยาสเตียรอยด์ทำให้การวินิจฉัยยากขึ้น และกลายเป็น “ กลากชนิดดื้อยา ” ได้

การดูแลลูกน้อยเมื่อเป็นกลาก เกลื้อน
รักษาความสะอาดผิวและบริเวณที่เป็นอยู่เสมอ
ซักเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน และของใช้ส่วนตัวบ่อยๆ
แยกของใช้ส่วนตัวจากคนในบ้าน
ใส่เสื้อผ้าหลวม ระบายอากาศได้ดี
อาบน้ำทันทีหลังเล่น หรือเวลาที่มีเหงื่อชื้นมาก
เลี่ยงสภาพแวดล้อมร้อนชื้น
กลาก เกลื้อน ไม่ใช่เรื่องเล็ก หากไม่ดูแลรักษาให้ดีอาจจะลุกลามไปมากขึ้นได้ แม้กลาก เกลื้อน จะเป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยในเด็ก แต่หากคุณพ่อคุณแม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างสองโรคนี้ และดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ก็สามารถหายได้โดยไม่มีผลข้างเคียง และลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำอีกครั้ง
หากสังเกตเห็นผื่นผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์ผิวหนัง ไม่ควรซื้อยาทาเอง เพราะอาจทำให้การรักษายากขึ้นในระยะยาวได้นั่นเอง
“ เพราะเรื่องของลูก ไม่ใช่อะไรก็ได้ ”
ปรึกษาปัญหาผิวลูก หรือ สั่งซื้อผลิตภัณฑ์
คลิก Inbox : http://m.me/regagarth
Line : @regagar ( https://lin.ee/LLGNbL8 )