ไข้เลือดออก ในเด็ก VS ผู้ใหญ่ แตกต่างกันอย่างไร ?

ไข้เลือดออก เป็นโรคติดเชื้อไวรัสเด็งกี่ (Dengue virus) ที่มียุงลายเป็นพาหะ โรคนี้พบได้ในทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ยุงลายชุกชุม อย่างไรก็ตาม “ อาการของไข้เลือดออก ” ในเด็กและผู้ใหญ่อาจมีความแตกต่างกันในหลายด้าน ซึ่งการสังเกตอาการให้ไวและดูแลอย่างถูกต้องตามวัยมีความสำคัญมากในการลดภาวะแทรกซ้อน

ไข้เลือดออก เกิดจาก

ไข้เลือดออกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกี่ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 4 สายพันธุ์ (DEN-1 ถึง DEN-4) โดยมียุงลายบ้านและยุงลายสวนเป็นพาหะนำโรค เมื่อยุงลายที่มีเชื้อกัดคน เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายและทำให้เกิดอาการป่วยตามมา

อาการไข้เลือดออกในเด็ก

เด็กมักแสดงอาการน้อยกว่าผู้ใหญ่ หรือมีอาการไม่เฉพาะเจาะจง จึงทำให้วินิจฉัยได้ยากในบางครั้ง โดยเฉพาะในเด็กเล็กหรือเด็กทารก

ลักษณะอาการที่พบบ่อย :

• ไข้สูงลอย 38.5–40°C โดยไม่มีอาการไอ น้ำมูก

• ลูกน้อยอาจ ไม่ร้องกวน ดูเงียบผิดปกติ หรือ ซึม

• ไม่ค่อยดื่มนม หรือทานอาหาร

• อาเจียนบ่อย

• ปัสสาวะน้อยลง หรือไม่มีเลย

• มือ เท้าเย็น

• มีผื่นจุดเลือดแดงเล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง

• ในบางรายอาจมีเลือดออกตามไรฟันหรือเลือดกำเดา

ข้อควรระวัง : ในเด็กอายุน้อย ไข้เลือดออกอาจรุนแรงถึงขั้นช็อกได้ โดยไม่มีอาการเตือนชัดเจน จึงต้องสังเกตอาการใกล้ชิดและพาไปพบแพทย์ทันทีหากสงสัย

อาการไข้เลือดออกในผู้ใหญ่

ผู้ใหญ่มักแสดงอาการได้ชัดเจนมากกว่า แต่บางครั้งก็อาจเข้าใจผิดว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา จึงมักมาพบแพทย์ช้า

ลักษณะอาการที่พบบ่อย :

• ไข้สูงเฉียบพลัน 39–40°C นาน 2–7 วัน

• ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา

• ปวดกล้ามเนื้อ และข้อทั่วร่างกาย จนเรียกว่า “ ไข้กระดูกหัก ”

• เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน

• จุดเลือดออกใต้ผิวหนังหรือรอยฟกช้ำง่าย

• มีเลือดกำเดา หรือเลือดออกตามไรฟัน

• บางรายอาจมีอาการแน่นท้อง ปวดชายโครงขวา ที่มีผลมาจากตับโต

ข้อควรระวัง : หากไข้ลดแล้วอาการแย่ลง เช่น ซึม หน้ามืด ความดันต่ำ แสดงว่าอาจเข้าสู่ “ ระยะช็อก ” ต้องรีบพบแพทย์ทันที

แม้อาการของไข้เลือดออกในเด็กอาจไม่รุนแรงตั้งแต่แรก แต่เด็กมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนสูง เพราะไม่สามารถบอกอาการได้ดี การสังเกตจากพฤติกรรมจึงสำคัญมาก เช่น เด็กซึม ไม่ยิ้ม ไม่เล่น ไม่กิน

ส่วนในผู้ใหญ่แม้จะสามารถสื่อสารอาการได้ แต่ก็มักละเลยกันไป เพราะคิดว่าเป็นไข้ธรรมดา ดังนั้นหากมีไข้สูงติดต่อกันหลายวันโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจเลือด

สรุปแล้วพบว่า ไข้เลือดออก เป็นโรคร้ายที่ต้องระวังอย่างมากในช่วงฤดูฝน แม้ว่าอาการในเด็กและผู้ใหญ่อาจต่างกัน แต่ทั้งสองกลุ่มก็มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม การรู้เท่าทันอาการ สังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างละเอียด และรีบพบแพทย์หากสงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก จะช่วยให้การรักษาได้ผลดีและลดความเสี่ยงจากโรคได้มากขึ้น