ท้องเสียตอนท้อง 7 เดือน อันตรายไหม ? วิธีดูแลและป้องกันอย่างไร
- regagar

- 4 days ago
- 2 min read
การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องระมัดระวังสุขภาพตัวเองเป็นพิเศษ เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงของร่างกายส่งผลต่อทารกในครรภ์ แม้ว่าท้องเสียอาจเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวันของคนทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ถ้า “ ท้องเสียตอนท้อง 7 เดือน ” หรือช่วงไตรมาส 3 ความเสี่ยงบางอย่างอาจเกิดขึ้นได้ หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม

วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่า หากคุณแม่ท้อง หรือคุณแม่ตั้งครรภ์ท้องเสียต้อนท้อง 7 เดือนนั้น จะมีความอันตรายมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงสาเหตุที่พบได้บ่อย อาการต่างๆ ที่ต้องระวัง ผลกระทบที่อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์จะมีอะไรบ้าง แล้วมีวิธีป้องกันอย่างไร
ท้องเสียตอนท้อง 7 เดือน เกิดจากอะไรได้บ้าง
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมคนท้องถึงท้องเสียง่ายขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 นั่นเพราะร่างกายคุณแม่มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น

ฮอร์โมนตั้งครรภ์เปลี่ยน : ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและฮอร์โมนอื่น ๆ ทำให้ลำไส้ของคุณแม่ทำงานช้าลงหรือตอบสนองไวขึ้น ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารไวต่ออาหารบางชนิดหรือเกิดอาการท้องเสียได้ง่าย
ระบบภูมิคุ้มกันเปลี่ยน : ช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายปรับระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อลดความเสี่ยงต่อตัวทารก แต่ก็ทำให้คุณแม่บางคนติดเชื้อไวรัส / แบคทีเรียในกระเพาะลำไส้ เช่น โนโรไวรัส โรตาไวรัส หรือกลุ่มแบคทีเรียซัลโมเนลลา อีโคไล ได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณแม่ท้องกำลังติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียคือ ถ่ายเหลวรุนแรง มีไข้ร่วม อาเจียน
การรับประทานอาหาร : การทานอาหารไม่สะอาด อาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารค้างคืน อาจทำให้เกิดท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษในคนท้องได้ง่าย
ความเครียดและการพักผ่อน : ความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอ ส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้ท้องเสียหรือท้องอืดได้
อาการท้องเสียตอนตั้งครรภ์ที่ควรสังเกต
การท้องเสียทั่วไปอาจมีอาการไม่รุนแรง แต่เมื่อเกิดตอนท้อง 7 เดือน คุณแม่ควรสังเกตอาการดังนี้

อาการเบื้องต้น :
- ถ่ายเหลว 1–3 ครั้งต่อวัน - ปวดท้องเล็กน้อยหรือปวดเกร็งท้องแบบไม่ต่อเนื่อง - คลื่นไส้เล็กน้อย
อาการที่ควรพบแพทย์ :
- ถ่ายเหลวมากกว่า 5–6 ครั้งต่อวัน - ถ่ายมีมูกเลือด หรือ สีดำคล้ำ - อาเจียนรุนแรง หรือรับประทานอาหารไม่ได้ - ปัสสาวะน้อยมาก หรือปัสสาวะมีสีเข้ม - มีไข้สูง 38°C - ลูกดิ้นน้อยกว่าปกติ
หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพราะเสี่ยงต่อการขาดน้ำ หรือมดลูกบีบตัวก่อนกำหนด เสี่ยงต่อทารกในครรภ์
ความเสี่ยงที่เกิดจากอาการท้องเสียต่อคุณแม่ท้องและทารกในครรภ์
แม้ท้องเสียเองไม่ทำร้ายทารกโดยตรง แต่มีความเสี่ยงทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็น

ขาดน้ำ (Dehydration) : ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี เสี่ยงต่อการบีบตัวของมดลูกก่อนกำหนด
ขาดเกลือแร่สำคัญ : เช่น โซเดียม โปแตสเซียม ทำให้คุณแม่ท้องอาจมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง เหนื่อยง่าย
คลอดก่อนกำหนด : หากท้องเสียรุนแรง หรือมีการอาเจียนร่วม อาจเสี่ยงที่จะทำให้คลอดก่อนกำหนดได้
เมื่อไหร่ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ท้องเสียควรไปพบแพทย์
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรไปพบแพทย์ทันที หากมีอาการดังนี้ :
ถ่ายเหลวมากกว่า 5–6 ครั้งต่อวัน
ถ่ายมีเลือดปน หรือมูกเลือด
อาเจียนรุนแรง รับประทานอะไรไม่ได้
มีไข้สูงเกิน 38°C
ปัสสาวะน้อยลงมากกว่าปกติ
ลูกดิ้นน้อยกว่าปกติ
แพทย์อาจตรวจหาเชื้อในลำไส้ ให้ยาที่ปลอดภัยสำหรับคนท้อง และให้คำแนะนำการป้องกันการขาดน้ำแก่คุณแม่ท้องเพิ่มเติม
วิธีดูแลตัวเองเมื่อท้องเสียตอนตั้งครรภ์
ดื่มน้ำและเกลือแร่ให้เพียงพอ : ควรดื่มน้ำสะอาด, น้ำเกลือแร่ ORS และหลีกเลี่ยงน้ำหวานหรือน้ำอัดลม เพราะอาจทำให้ท้องเสียมากขึ้นได้
รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย : เช่น ข้าวต้ม, ซุปใส, กล้วยน้ำว้า, โยเกิร์ตรสธรรมชาติ และควรแบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็กๆ หลายๆ มื้อ
หลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดที่ทำให้ย่อยยาก : เช่น ของทอด, ของมันจัด, อาหารรสจัด , นมวัวชั่วคราว
พักผ่อนให้เพียงพอ : ทำใจให้สงบ หลีกเลี่ยงความวิตกกังวล นอนหลับเพียงพอ ลดความเครียด
สังเกตอาการทารกในครรภ์ : นับลูกดิ้นทุกวัน หากดิ้นน้อยกว่าปกติควรรีบพบแพทย์

วิธีป้องกันไม่ให้คุณแม่ตั้งครรภ์ท้องเสีย
ดูแลเรื่องอาหาร : ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร ควรรับประทานอาหารสุก สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น อาหารทะเลดิบ เป็นต้น
รักษาสุขอนามัยส่วนตัว : ล้างมือบ่อยๆ ใช้สิ่งของส่วนตัวเท่านั้น
ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน : ควรดื่มน้ำ 1.5–2 ลิตรต่อวัน หรือมากกว่าหากถ่ายเหลว
ปรับพฤติกรรมการพักผ่อน : ลดความเครียดด้วยการทำสมาธิ หรือฟังเพลง
FAQ – คำถามที่คุณแม่ท้องมักสงสัย
Q : คนท้อง 7 เดือนท้องเสีย อันตรายต่อทารกไหม?
A : โดยทั่วไปท้องเสียไม่ได้ทำร้ายทารกโดยตรง แต่ความเสี่ยงหลักคือ การขาดน้ำ ซึ่งอาจทำให้มดลูกบีบตัวก่อนกำหนด และเกิดภาวะแทรกซ้อน ดังนั้นเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ท้องเสียควรดื่มน้ำและเกลือแร่ให้เพียงพอ
Q : ท้องเสียตอนท้อง ควรกินอะไรได้บ้าง?
A : ควรรับประทาน อาหารอ่อน ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม ซุปใส โยเกิร์ตธรรมชาติ กล้วยน้ำว้า หลีกเลี่ยงอาหารมันจัด ของทอด และนมวัวชั่วคราว หากท้องเสียมาก
Q : ดื่มน้ำอะไรดี เมื่อตั้งครรภ์แล้วท้องเสีย ?
A : น้ำสะอาด น้ำเกลือแร่ ORS น้ำผลไม้เจือจางเล็กน้อย หลีกเลี่ยงน้ำหวาน น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มเย็นจัด เพราะอาจทำให้ท้องเสียรุนแรงขึ้น
Q : ท้องเสียกี่วันถึงควรไปพบแพทย์ ?
A : ถ่ายเหลวติดต่อกันเกิน 5–6 ครั้ง/วัน มีมูกเลือด หรือสีดำคล้ำ มีไข้สูง ปัสสาวะน้อย อาเจียนรุนแรง ลูกดิ้นน้อยลง ควรพบแพทย์ทันที
Q : ยาแก้ท้องเสียกินได้ไหมตอนตั้งครรภ์ ?
A : ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพราะยาบางชนิดอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ แนะนำให้เริ่มจากปรับอาหารเป็นอาหารอ่อน ย่อยง่าย และดื่มน้ำเกลือแร่ก่อน
แม้ว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ท้องเสียตอนท้อง 7 เดือน ไม่ใช่อาการอันตรายร้ายแรง แต่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้องเพื่อป้องกัน การขาดน้ำและมดลูกบีบตัวก่อนกำหนด จนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ รวมถึงเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดตามมาด้วย



Comments