top of page

ท้องเสียตอนท้อง 7 เดือน อันตรายไหม ? วิธีดูแลและป้องกันอย่างไร

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องระมัดระวังสุขภาพตัวเองเป็นพิเศษ เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงของร่างกายส่งผลต่อทารกในครรภ์ แม้ว่าท้องเสียอาจเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวันของคนทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ถ้า “ ท้องเสียตอนท้อง 7 เดือน ” หรือช่วงไตรมาส 3 ความเสี่ยงบางอย่างอาจเกิดขึ้นได้ หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม

ท้องเสียตอนท้อง 7 เดือน

วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่า หากคุณแม่ท้อง หรือคุณแม่ตั้งครรภ์ท้องเสียต้อนท้อง 7 เดือนนั้น จะมีความอันตรายมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงสาเหตุที่พบได้บ่อย อาการต่างๆ ที่ต้องระวัง ผลกระทบที่อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์จะมีอะไรบ้าง แล้วมีวิธีป้องกันอย่างไร


ท้องเสียตอนท้อง 7 เดือน เกิดจากอะไรได้บ้าง

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมคนท้องถึงท้องเสียง่ายขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 นั่นเพราะร่างกายคุณแม่มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น

ท้องเสียตอนท้อง

  • ฮอร์โมนตั้งครรภ์เปลี่ยน : ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและฮอร์โมนอื่น ๆ ทำให้ลำไส้ของคุณแม่ทำงานช้าลงหรือตอบสนองไวขึ้น ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารไวต่ออาหารบางชนิดหรือเกิดอาการท้องเสียได้ง่าย

  • ระบบภูมิคุ้มกันเปลี่ยน : ช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายปรับระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อลดความเสี่ยงต่อตัวทารก แต่ก็ทำให้คุณแม่บางคนติดเชื้อไวรัส / แบคทีเรียในกระเพาะลำไส้ เช่น โนโรไวรัส โรตาไวรัส หรือกลุ่มแบคทีเรียซัลโมเนลลา อีโคไล ได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณแม่ท้องกำลังติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียคือ ถ่ายเหลวรุนแรง มีไข้ร่วม อาเจียน

  • การรับประทานอาหาร : การทานอาหารไม่สะอาด อาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารค้างคืน อาจทำให้เกิดท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษในคนท้องได้ง่าย

  • ความเครียดและการพักผ่อน : ความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอ ส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้ท้องเสียหรือท้องอืดได้


อาการท้องเสียตอนตั้งครรภ์ที่ควรสังเกต

การท้องเสียทั่วไปอาจมีอาการไม่รุนแรง แต่เมื่อเกิดตอนท้อง 7 เดือน คุณแม่ควรสังเกตอาการดังนี้

อาการท้องเสียตอนท้อง

  • อาการเบื้องต้น :

    - ถ่ายเหลว 1–3 ครั้งต่อวัน -        ปวดท้องเล็กน้อยหรือปวดเกร็งท้องแบบไม่ต่อเนื่อง - คลื่นไส้เล็กน้อย

  • อาการที่ควรพบแพทย์  :

    - ถ่ายเหลวมากกว่า 5–6 ครั้งต่อวัน - ถ่ายมีมูกเลือด หรือ สีดำคล้ำ - อาเจียนรุนแรง หรือรับประทานอาหารไม่ได้ - ปัสสาวะน้อยมาก หรือปัสสาวะมีสีเข้ม - มีไข้สูง 38°C - ลูกดิ้นน้อยกว่าปกติ

หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพราะเสี่ยงต่อการขาดน้ำ หรือมดลูกบีบตัวก่อนกำหนด เสี่ยงต่อทารกในครรภ์


ความเสี่ยงที่เกิดจากอาการท้องเสียต่อคุณแม่ท้องและทารกในครรภ์

แม้ท้องเสียเองไม่ทำร้ายทารกโดยตรง แต่มีความเสี่ยงทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็น


ความเสี่ยงท้องเสียตอนท้อง 7 เดือน

  • ขาดน้ำ (Dehydration) : ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี เสี่ยงต่อการบีบตัวของมดลูกก่อนกำหนด

  • ขาดเกลือแร่สำคัญ : เช่น โซเดียม โปแตสเซียม ทำให้คุณแม่ท้องอาจมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง เหนื่อยง่าย

  • คลอดก่อนกำหนด :  หากท้องเสียรุนแรง หรือมีการอาเจียนร่วม อาจเสี่ยงที่จะทำให้คลอดก่อนกำหนดได้


เมื่อไหร่ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ท้องเสียควรไปพบแพทย์

คุณแม่ตั้งครรภ์ควรไปพบแพทย์ทันที หากมีอาการดังนี้ :

  • ถ่ายเหลวมากกว่า 5–6 ครั้งต่อวัน

  • ถ่ายมีเลือดปน หรือมูกเลือด

  • อาเจียนรุนแรง รับประทานอะไรไม่ได้

  • มีไข้สูงเกิน 38°C

  • ปัสสาวะน้อยลงมากกว่าปกติ

  • ลูกดิ้นน้อยกว่าปกติ

แพทย์อาจตรวจหาเชื้อในลำไส้ ให้ยาที่ปลอดภัยสำหรับคนท้อง และให้คำแนะนำการป้องกันการขาดน้ำแก่คุณแม่ท้องเพิ่มเติม


วิธีดูแลตัวเองเมื่อท้องเสียตอนตั้งครรภ์

  • ดื่มน้ำและเกลือแร่ให้เพียงพอ :  ควรดื่มน้ำสะอาด, น้ำเกลือแร่ ORS และหลีกเลี่ยงน้ำหวานหรือน้ำอัดลม เพราะอาจทำให้ท้องเสียมากขึ้นได้

  • รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย : เช่น ข้าวต้ม, ซุปใส, กล้วยน้ำว้า, โยเกิร์ตรสธรรมชาติ และควรแบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็กๆ หลายๆ มื้อ

  • หลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดที่ทำให้ย่อยยาก : เช่น ของทอด, ของมันจัด, อาหารรสจัด , นมวัวชั่วคราว

  • พักผ่อนให้เพียงพอ : ทำใจให้สงบ หลีกเลี่ยงความวิตกกังวล นอนหลับเพียงพอ ลดความเครียด

  • สังเกตอาการทารกในครรภ์ : นับลูกดิ้นทุกวัน หากดิ้นน้อยกว่าปกติควรรีบพบแพทย์



วิธีดูแลป้องกันไม่ให้คนท้องท้องเสีย

วิธีป้องกันไม่ให้คุณแม่ตั้งครรภ์ท้องเสีย

  • ดูแลเรื่องอาหาร : ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร ควรรับประทานอาหารสุก สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น อาหารทะเลดิบ เป็นต้น

  • รักษาสุขอนามัยส่วนตัว : ล้างมือบ่อยๆ ใช้สิ่งของส่วนตัวเท่านั้น

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน : ควรดื่มน้ำ 1.5–2 ลิตรต่อวัน หรือมากกว่าหากถ่ายเหลว

  • ปรับพฤติกรรมการพักผ่อน : ลดความเครียดด้วยการทำสมาธิ หรือฟังเพลง



FAQ – คำถามที่คุณแม่ท้องมักสงสัย

Q : คนท้อง 7 เดือนท้องเสีย อันตรายต่อทารกไหม?

A : โดยทั่วไปท้องเสียไม่ได้ทำร้ายทารกโดยตรง แต่ความเสี่ยงหลักคือ การขาดน้ำ ซึ่งอาจทำให้มดลูกบีบตัวก่อนกำหนด และเกิดภาวะแทรกซ้อน ดังนั้นเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ท้องเสียควรดื่มน้ำและเกลือแร่ให้เพียงพอ


Q : ท้องเสียตอนท้อง ควรกินอะไรได้บ้าง?

A : ควรรับประทาน อาหารอ่อน ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม ซุปใส โยเกิร์ตธรรมชาติ กล้วยน้ำว้า หลีกเลี่ยงอาหารมันจัด ของทอด และนมวัวชั่วคราว หากท้องเสียมาก

Q : ดื่มน้ำอะไรดี เมื่อตั้งครรภ์แล้วท้องเสีย ?

A : น้ำสะอาด น้ำเกลือแร่ ORS น้ำผลไม้เจือจางเล็กน้อย หลีกเลี่ยงน้ำหวาน น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มเย็นจัด เพราะอาจทำให้ท้องเสียรุนแรงขึ้น

Q : ท้องเสียกี่วันถึงควรไปพบแพทย์ ?

A : ถ่ายเหลวติดต่อกันเกิน 5–6 ครั้ง/วัน มีมูกเลือด หรือสีดำคล้ำ มีไข้สูง ปัสสาวะน้อย อาเจียนรุนแรง ลูกดิ้นน้อยลง ควรพบแพทย์ทันที


Q : ยาแก้ท้องเสียกินได้ไหมตอนตั้งครรภ์ ?

A : ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพราะยาบางชนิดอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ แนะนำให้เริ่มจากปรับอาหารเป็นอาหารอ่อน ย่อยง่าย และดื่มน้ำเกลือแร่ก่อน


แม้ว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ท้องเสียตอนท้อง 7 เดือน ไม่ใช่อาการอันตรายร้ายแรง แต่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้องเพื่อป้องกัน การขาดน้ำและมดลูกบีบตัวก่อนกำหนด จนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ รวมถึงเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดตามมาด้วย





Comments


bottom of page