คนท้องห้ามกิน อะไรบ้าง เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อตัวเองและทารกในครรภ์

คนท้องห้ามกิน อะไรบ้าง เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อตัวเองและทารกในครรภ์ เป็นหนึ่งในคำถามของคุณแม่มือใหม่ และคุณแม่ที่ตั้งครรภ์หลาย ๆ ท่าน ที่สงสัยกันเยอะมาเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งการเลือกรับประทานอาหารแต่ละอย่างของคุณแม่ตั้งครรภ์นั้น ก็จำเป็นจะต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะต้องนึกถึงคุณประโยชน์ที่ลูกน้อยในครรภ์จะได้รับด้วย และแน่นอนว่าก็มีอาหารบางประเภทที่คุณแม่ท้องควรหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายกับตัวคุณแม่เอง และลูกน้อยในครรภ์ด้วย

คนท้องห้ามกิน อาหารดังต่อไปนี้

คนท้องควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารบางชนิด เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะส่งผลต่อทารกในครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพ หรือการพัฒนาเจริญเติบโตของทารก ซึ่งอาหารที่คนท้องห้ามกินมีดังต่อไปนี้

• เนื้อสัตว์ดิบหรือไม่สุกดี : สลัดไข่ดิบ, สเต็กไม่สุกดี, หรือซูชิที่มีเนื้อสัตว์ดิบ อาหารที่ไม่สุกดีอาจจะมีแบคทีเรียที่สามารถเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะอาหารเป็นพิษ ผลกระทบ : การติดเชื้อแบคทีเรียในอาหารดิบจะส่งผลกระทบไปถึงเด็กในครรภ์ อาจทำให้ - มีภาวะแท้ง - ทารกเสียชีวิตในครรภ์ - การคลอดก่อนกำหนดได้

• ปลาที่มีสารปรอทสูง : ปลาบางชนิดมีระดับสารปรอทที่สูง เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง , ปลาอินทรีย์ , ปลาช่อน และปลากระพง ผลกระทบ : สารปรอทสามารถทำให้เกิดความเสียหายต่อสมองและระบบประสาทของทารกในครรภ์ได้

• แอลกอฮอล์ : ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ แอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งร่างกายของทารกในครรภ์ก็จะได้รับแอลกอฮอล์โดยผ่านทางกระแสเลือดของคุณแม่ท้องไปด้วยเช่นเดียวกัน ผลกระทบ : การรับประทานแอลกอฮอล์ในระหว่างการตั้งครรภ์สามารถทำให้เกิด - พัฒนาการช้า - เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด - มีโอกาสแท้ง - มีความผิดปกติและความพิการทางร่างกายโดยกำเนิด ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายได้ - ทารกที่คลอดออกมาแล้วอาจมีภาวะของ Fetal Alcohol Syndrome (FAS) หรือกลุ่มอาการผิดปกติของทารกจากการดื่มแอลกอฮอล์ของมารดาขณะตั้งครรภ์

• คาเฟอีน : กาแฟ, ชา และน้ำอัดลมที่มีคาเฟอีนมากเกินไป ซึ่งจริงคุณแม่ตั้งครรภ์ควรจำกัดการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน สามารถทานได้ แต่ควรทานในปริมาณที่เหมาะสม หรือไม่เกิน 2-3 แก้ว/วัน (เทียบกับแก้วกาแฟปกติทั่วไป) ผลกระทบ : การได้รับประทานคาเฟอีนในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้มีโอกาสในการตั้งครรภ์นั้นทำได้ยากขึ้น นอกจากนี้ก็ยังส่งผลกระทบอื่น ๆ สำหรับคนท้องอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น - เพิ่มความเสี่ยงของภาวะแท้ง - ทารกที่ออกมาน้ำหนักแรกเกิดน้อย
  

• ชีสดิบ หรือนมดิบที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ : อาจมีแบคทีเรียลิสเตอริโอซิส (Listeria) เมื่อรับประทานเข้าไปก็อาจส่งผลต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ ผลกระทบ : ทำให้เกิดการภาวะแทรกซ้อนในระหว่างการตั้งครรภ์

• อาหารทะเลที่มีปะการัง : สาหร่ายทะเล ซึ่งพบในอาหารทะเลบางชนิด ที่สามารถสะสมสารปรอทเช่นเดียวกับปลาที่มีสารปรอทสูงและคนท้องห้ามกิน ผลกระทบ : ทำให้เกิดความเสียหายต่อสมองและระบบประสาทของทารกในครรภ์ได้

• อาหารปรุงสำเร็จ : อาหารปรุงสำเร็จบางประเภทเช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป , อาหารกระป๋อง หรืออาหารสำเร็จที่จำหน่ายในซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป เพราะอาจจะมีแบคทีเรียลิสเตอริโอซิส (Listeria) ถ้าไม่ถูกเก็บรักษาอย่างเหมาะสม และมีผงชูรสในปริมาณที่มากเกินไป ผลกระทบ : ทำให้คุณแม่ท้องเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน และลูกน้อยในครรภ์เองก็อาจจะได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วนและไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตอีกด้วย

• อาหารที่มีส่วนผสมของวิตามินเอสูง : ตับของสัตว์บางชนิด , น้ำมันปลา มีวิตามินเอสูงมาก ซึ่งการนำวิตามิเอที่มากเกินไปเข้าสู่ร่างกายและส่งต่อไปถึงทารกนั้น สามารถเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ ผลกระทบ : อาจนำไปสู่ปัญหาความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดที่รุนแรง - เสี่ยงเกิดภาวะแท้งบุตร หรือทารกพิการแต่กำเนิด ถ้าได้รับค่าวิตามินเอในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ - เสี่ยงภาวะตับทำงานผิดปกติ เนื่องจากวิตามินเอที่มากเกินจะถูกนำไปสะสมที่ตับ - คุณแม่อาจเสี่ยงภาวะแร่ธาตุในกระดูกลดลง เกิดภาวะกระดูกพรุน - ระบบประสาทส่วนกลางไม่ทำงาน มักมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ วิงเวียน ตาพร่ามัว

• อาหารที่ผ่านการหมักหรือดอง : เนื้อหมัก , น้ำพริกไทย, หรือผลไม้ดอง แม้จะช่วยแก้อาการแพ้ท้องได้อยู่บ้าง แต่ของหมักดองเหล่านี้ก็มักจะมีเกลือผสมอยู่จำนวนมาก กลายเป็นอาหารรสจัด ผลกระทบ : ส่งผลเสียต่อหัวใจ และไต ทำให้แม่เกิดอาการบวมได้ และยังเสี่ยงต่อครรภ์เป็นพิษอีกด้วย
  

เพื่อลูกน้อยในครรภ์และตัวคุณแม่เอง เมื่อตั้งครรภ์ควรเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ที่ปรุงสดใหม่ และควรอยู่ในคำแนะนำของแพทย์ที่ดูแลเสมอ เท่านี้คุณแม่ก็จะแข็งแรง ลูกน้อยในครรภ์ก็ปลอดภัย จนคลอดออกมาได้ตามกำหนด และไม่มีความผิดปกติแล้ว