6 งานบ้านที่ คนท้อง ไม่ควรทำ
top of page

6 งานบ้านที่ คนท้อง ไม่ควรทำ

คุณแม่บ้านทั้งหลายมักเคยชินกับการทำความสะอาด ทำงานบ้านต่าง ๆ อยู่เสมอ แต่เมื่อคุณแม่บ้านกลายเป็น “ คนท้อง ” หรือตั้งครรภ์นั้น ก็ควรระมัดระวังการทำงานบ้านต่าง ๆ ด้วย เพราะบางอย่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์เคยทำเป็นประจำนั้น อาจจะต้องหลีกเลี่ยงไม่ควรทำ เนื่องจากอาจเสี่ยงอันตรายต่อคุณแม่ท้องเอง และลูกน้อยในครรภ์ได้ด้วยนั่นเอง

คนท้อง กับงานบ้าน

ซึ่งงานบ้านที่คนท้องไม่ควรทำเลย มีด้วยกันทั้งหมด 5 ประเภทหลัก วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลงานบ้านที่ควรหลีกเลี่ยงมาให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ หรือคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ลองศึกษาและพิจารณากันดูค่ะ


6 งานบ้านที่ คนท้อง ไม่ควรทำ

ในช่วงการตั้งครรภ์นั้น เป็นช่วงที่คุณพ่อคุณแม่ต้องระวังเป็นพิเศษ แม้ว่างานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจจะทำได้อยู่บ้าง แต่ก็ต้องทำไปพักไป เพื่อไม่ให้คุณแม่เหนื่อยเกินไป หรือเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ต่อครรภ์ของคุณแม่ได้ ซึ่งทางที่ดีคุณแม่ท้องควรหลีกเลี่ยงการทำงานบ้านจะดีกว่า โดย 5 ประเภทงานบ้านที่คนท้องไม่ควรทำเลยมีดังต่อไปนี้

คนท้อง ห้ามทำงานบ้าน

  1. งานบ้านที่ต้องใช้สารเคมีรุนแรง โดยเฉพาะการล้างห้องน้ำ ฉีดยาฆ่าแมลง เพราะเป็นสารเคมีรุนแรง คุณแม่ท้องอาจได้รับอันตรายจากกลิ่นที่ฉุนเกินไป ส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณแม่เองได้ นอกจากนั้นการขัดถูพื้นห้องน้ำ ก็อาจทำให้คุณแม่ลื่นล้ม เสี่ยงแท้งได้

  2. การล้างจาน แม้ว่าน้ำยาล้างจานอาจจะไม่ได้มีสารเคมีอันตรายที่มีกลิ่นฉุนรุนแรง จนส่งผลต่อสุขภาพคุณแม่ท้อง แต่ช่วงที่ตั้งครรภ์นั้น ผิวของคุณแม่จะบอบบางมากกว่าปกติ จึงอาจจะทำให้คุณแม่ท้องนั้นแพ้น้ำยาล้างจาน ทำให้ผิวระคายเคืองได้ หากจำเป็นต้องล้างจริง ๆ แนะนำให้ถุงมือยางในการล้างจาน เพื่อลดการระคายเคืองผิว และควรล้างทุกครั้งหลังทานเสร็จ ไม่ควรสะสมไว้เยอะ ๆ เพราะคนท้องไม่ควรยืนนาน ๆ ซึ่งจะทำให้มีอาการล้าของกล้ามเนื้อได้

  3. การยกของหนัก อย่างที่ทราบกันดีว่าคนท้องไม่ควรยกของหนัก ๆ เพราะเสี่ยงทั้งต่อตัวคุณแม่ตั้งครรภ์เอง และลูกน้อยในครรภ์ด้วย เพราะฉะนั้นการยกของหนัก ๆ หรือการเคลื่อนย้ายของใหญ่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ตู้ โต๊ะ ราวตากผ้า ลังใส่ของต่าง ๆ เป็นต้น ยิ่งในช่วงการตั้งครรภ์ในไตรมาสแรก อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ เสี่ยงกระแทก ล้ม และแท้งได้ ในช่วงการตั้งครรภ์ในไตรมาสหลังๆ ที่ท้องคุณแม่เริ่มใหญ่ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพกับคุณแม่ท้องได้ เช่น ปวดหลัง ปวดขา หน้ามืดได้ ดังนั้นควรเลี่ยงการยกของหนัก เพราะอาจเสี่ยงแท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้นั่นเอง

  4. ดูแลความสะอาดสัตว์เลี้ยง อย่างที่ทราบว่าการเก็บมูลสัตว์เลี้ยงนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับน้องแมว เพราะในมูลของแมวนั้นจะมีสาร Toxoplasmosis ที่เป็นปรสิต อาจส่งผลให้ลูกน้อยในครรภ์ติดเชื้อ และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ นอกจากแมวแล้วยังรวมถึงสัตว์เลี้ยงอื่นๆ เช่น น้องหมา ควรหลีกเลี่ยงไว้ก่อนจะดีที่สุด หากคุณแม่ท้องจำเป็นที่ต้องเก็บมูลสัตว์จริง ๆ แนะนำให้สวมถุงมือ หน้ากากอนามัย และล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังทำความสะอาดมูลสัตว์ อย่างไรก็ตามคุณแม่ท้องยังสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ตามปกติ เพราะมีงานวิจัยจากศูนย์ควบคุมโรคแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าคนท้องที่มีสัตว์เลี้ยงจะทำให้ความเครียดลดลง ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีทางอารมณ์ให้คุณแม่และทารกในครรภ์ได้อีกด้วย

  5. การทำความสะอาดบ้านในที่สูง ไม่ว่าจะเป็นการทำความชั้นลอย พัดลมเพดาน เพราะอาจทำให้คุณแม่ท้องพลัดตกลงมากระแทกพื้น เสี่ยงต่อการแท้ง หรืออาจจะทำให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนดได้ รวมไปถึงการปัดกวาดหยากไย่บนเพดาน ก็ควรหลีกเลี่ยงทั้งหมด เพราะคุณแม่สูดฝุ่นเข้าไป เป็นอันตรายทั้งต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์เลยทีเดียว

  6. การดูดฝุ่น หรือ ทำความสะอาดบ้านบริเวณที่มีฝุ่นสะสมมาก ๆ เช่น ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน พรม หน้าต่าง ยิ่งคุณแม่ท้องที่มีโรคประจำตัวเป็นภูมิแพ้ หอบหืด ยิ่งต้องเลี่ยงโดยเด็ดขาด เพราะอาจเสี่ยงเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจของคุณแม่ท้อง รวมถึงลูกน้อยในครรภ์ก็เสี่ยงไปด้วยเช่นกัน

แม้ว่างานบ้านต่าง ๆ คุณแม่ท้องจะทำได้ แต่ก็ไม่ควรทำมากเกินไป หากเป็นไปได้แนะนำให้หาผู้ช่วย หรือจ้างแม่บ้านทำความสะอาด หรือที่ดีที่สุดก็คือฝากคุณพ่อให้ช่วยทำแทนคุณแม่จะดีมากๆ เลย ไม่อยากให้คุณแม่ท้องและลูกน้อยในครรภ์ต้องเสี่ยง ต้องหลีกเลี่ยงงานบ้านที่อันตรายต่อคุณแม่ท้องและลูกน้อยในครรภ์นะคะ






bottom of page