ภาวะหลังคลอด ที่คุณพ่อคุณแม่ ต้องเตรียมรับมือมีอะไรบ้าง และควรรับมืออย่างไร
- regagar

- 10 minutes ago
- 2 min read
การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความสุข และการเตรียมตัวอย่างรอบด้าน แต่หลายครั้งคุณพ่อคุณแม่มักมุ่งความสนใจไปที่ช่วงตั้งครรภ์จนลืมว่าช่วง ภาวะหลังคลอด ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะนี่คือช่วงเวลาที่ร่างกายและจิตใจของคุณแม่ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ และคุณพ่อก็ต้องเรียนรู้บทบาทใหม่ในการดูแลครอบครัว

หลายคู่แม้จะเตรียมพร้อมสำหรับวันคลอด แต่ก็ยังประสบปัญหาและความท้าทายหลังคลอดหลายอย่าง หากเราเข้าใจและเตรียมพร้อมล่วงหน้า ช่วงเวลาหลังคลอดจะราบรื่นขึ้น และช่วยให้แม่ฟื้นตัวเร็ว ลูกน้อยเติบโตอย่างแข็งแรง ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จัก ภาวะหลังคลอดที่พบบ่อย และวิธีรับมือสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่
ทำไมช่วงหลังคลอดจึงสำคัญกว่าที่คิด
เหตุผลที่ช่วงหลังคลอดสำคัญไม่แพ้ช่วงตั้งครรภ์ เพราะ เป็นช่วงที่กินเวลาประมาณ 6 สัปดาห์หลังคลอด แต่ผลต่อร่างกายและจิตใจอาจยาวนานเป็นเดือนหรือหลายปี มีความเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด อย่างเช่น

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนแบบรวดเร็ว : หลังคลอด ฮอร์โมนสำคัญอย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะลดลงทันที ในขณะที่ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการให้นม เช่น โปรแลคตินและออกซิโทซินเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนฮอร์โมนอย่างฉับพลันนี้ทำให้คุณแม่อาจเจออาการ
น้ำตาไหลง่าย อารมณ์แกว่ง
หงุดหงิด เหนื่อยล้า
สับสน เครียดง่าย
ร่างกายต้องฟื้นฟูหลังการคลอด : ร่างกายแม่ทำงานหนักมาหลายเดือน และเพิ่งผ่านเหตุการณ์ใหญ่ในการคลอด ไม่ว่าจะคลอดธรรมชาติหรือผ่าคลอด สิ่งที่ร่างกายต้องฟื้นตัว ได้แก่
แผลฝีเย็บหรือแผลผ่าท้อง
มดลูกหดตัวกลับสู่ขนาดปกติ
ระบบเลือดและฮอร์โมนกลับเข้าสู่สมดุล
ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง
เรียนรู้บทบาทใหม่ของคุณแม่มือใหม่ : หากเป็นท้องแรกนั่นแปลว่า คุณแม่กำลังเรียนรู้สิ่งใหม่ทั้งหมด เช่น การให้นมลูก การจัดการนอนกลางวัน–กลางคืนของลูก การเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือแม้แต่การเข้าใจสัญญาณร้องของลูก เป็นต้น
ดังนั้นช่วงเวลาหลังคลอดจึงค่อนข้างมีความสำคัญที่คุณพ่อ รวมไปถึงญาติพี่น้องจะต้องใส่ใจคุณแม่มากเป็นพิเศษไม่แพ้กับช่วงตั้งครรภ์เลย
ภาวะหลังคลอด ที่พบบ่อยและวิธีรับมือ
ภาวะร่างกายเปลี่ยนแปลงหลังคลอด : หลังคลอด ร่างกายของคุณแม่ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วจากการตั้งครรภ์ 9 เดือน ซึ่งหลายครั้งอาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย อาการที่พบบ่อย :
มดลูกหดตัว อาจมีอาการปวดท้องคล้ายปวดประจำเดือน
มีน้ำคาวปลา (โลเชีย) หลั่งออกมา
เต้านมคัด เจ็บหัวนมจากการให้นม
ร่างกายอ่อนเพลียจากการเสียเลือดและขาดการพักผ่อน
วิธีรับมือ :
พักผ่อนให้เพียงพอ แม้จะต้องตื่นให้นมลูกบ่อย ๆ
ประคบอุ่นบริเวณท้องหรือเต้านมเพื่อลดอาการปวด
ใช้ผ้าอนามัยสำหรับหลังคลอด เปลี่ยนบ่อยเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ดื่มน้ำมาก ๆ และรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ ไข่แดง ผักใบเขียว
ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum Depression) : ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดเกิดได้จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความเหนื่อยล้า และความกังวลเกี่ยวกับลูกน้อย สัญญาณที่สังเกตได้ :
รู้สึกเศร้า หมดแรง หรือหดหู่
ร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ
เบื่ออาหารหรืออาหารไม่ย่อย
ขาดความสนใจในกิจกรรมปกติ รวมถึงการดูแลลูกด้วย
วิธีรับมือ :
คุณพ่อควรอยู่ข้าง ๆ รับฟังและให้กำลังใจโดยไม่ตัดสิน
ให้คุณแม่มีเวลาพักผ่อน และทำกิจกรรมส่วนตัว
หากอาการรุนแรง เช่น มีความคิดทำร้ายตัวเอง ควรรีบพบแพทย์ทันที
ภาวะเต้านมอักเสบ / ท่อน้ำนมตัน : อาการนี้เกิดจากการให้นมผิดท่า หรือน้ำนมคั่งค้างในเต้านม
สัญญาณที่สังเกตได้ :
เต้านมบวม แดง ร้อน
มีไข้ต่ำถึงสูง
เจ็บหัวนมเมื่อลูกดูด
วิธีรับมือ :
ให้นมลูกบ่อย ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลของน้ำนม
นวดเต้านมเบา ๆ หรือประคบอุ่นก่อนให้นม
หากมีไข้สูงหรือเจ็บมาก ควรพบแพทย์เพื่อรับยาปฏิชีวนะ
ภาวะผมร่วงหลังคลอด : ผมร่วงหลังคลอดเป็นเรื่องปกติ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน
วิธีรับมือ :
ใช้แชมพูอ่อนโยนสำหรับหนังศีรษะ
ทานอาหารที่มีโปรตีน ธาตุเหล็ก และวิตามิน B
ไม่ต้องกังวลเกินไป เพราะผมจะงอกกลับมาภายใน 6–12 เดือน

ภาวะท้องผูก / ริดสีดวงหลังคลอด : ท้องผูกเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระบบย่อยอาหาร และการใช้แรงเบ่งขณะคลอด
วิธีรับมือ :
ดื่มน้ำมาก ๆ และทานอาหารมีกากใยสูง
เดินเบา ๆ กระตุ้นการขับถ่าย
หากมีริดสีดวง ควรปรึกษาแพทย์
ภาวะเหนื่อยล้า & นอนไม่พอ : ช่วง 1–2 เดือนแรก คุณแม่จะต้องให้นมลูกทุก 2–3 ชั่วโมง ทำให้เหนื่อยล้า วิธีรับมือ :
พยายามนอนพร้อมลูกเมื่อลูกหลับ
คุณพ่อช่วยแบ่งงานบ้านและดูแลลูกสลับช่วง
รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เพิ่มพลังงานจากอาหารดี ๆ เช่น ข้าวกล้อง เนื้อปลา ไข่
ภาวะความสัมพันธ์ในครอบครัวเปลี่ยนไป : บทบาทใหม่อาจทำให้คู่รักมีเวลาให้กันน้อยลง และความเครียดจากการเลี้ยงลูก อาจทำให้กระทบความสัมพันธ์
วิธีรับมือ :
พูดคุยเปิดใจ ไม่โทษกัน
แบ่งหน้าที่กันดูแลลูกอย่างเข้าใจ
ใช้เวลาสั้น ๆ ร่วมกัน เช่น ดูซีรีส์ หรือพูดคุยก่อนนอน
ภาวะน้ำนมไม่พอ / ลูกดูดไม่ติดเต้า : สาเหตุอาจมาจากท่าให้นมไม่ถูก หรือความเครียดของแม่ทำให้น้ำนมผลิตมาไม่เพียงพอ
วิธีรับมือ :
ให้ลูกดูดบ่อย ๆ เพื่อกระตุ้นการผลิตน้ำนม
นวดเต้านมเบา ๆ ก่อนให้นม
ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
ทานอาหารที่ช่วยในการเพิ่มน้ำนม เช่น หัวปลี ข้าวกล้อง ปลาแซลมอน ปลาทูน่า เป็นต้น
บทบาทของ “ คุณพ่อ ” ที่สำคัญในช่วงหลังคลอด
หลังคลอดไม่ใช่หน้าที่ของคุณแม่คนเดียว แต่คุณพ่อก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยดูแล และเป็นฮีโร่ของคุณแม่หลังคลอดได้เลย เพียงแค่ทำตามดังนี้

ช่วยอุ้มลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม กล่อมลูกน้อยนอน
เป็นกำลังใจ รับฟังคุณแม่ โดยไม่ตัดสิน
ช่วยจัดการงานบ้าน
สังเกตอาการหลังคลอดของคุณแม่ หากคุณแม่ผิดปกติ ควรพาไปพบแพทย์ทันที
การที่คุณพ่อช่วยแบ่งเบาแม้เรื่องเล็ก ๆ จะทำให้คุณแม่รู้สึกอบอุ่น และลดโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าได้มากเลยทีเดียว
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะหลังคลอด
Q1 : ภาวะหลังคลอดปกติอยู่กี่สัปดาห์ ?
A : ประมาณ 6 สัปดาห์ แต่บางอาการอาจยาวถึง 3–6 เดือน เช่น ผมร่วง ฮอร์โมนไม่สมดุล
Q2 : เลือดหลังคลอดออกกี่วัน?
A : เฉลี่ย 4–6 สัปดาห์ ควรจางลงเรื่อย ๆ ถ้าเยอะผิดปกติให้พบแพทย์
Q3 : ปวดมดลูกหลังคลอดเพราะอะไร?
A : เพราะมดลูกหดตัวกลับสู่ขนาดเดิม โดยเฉพาะตอนให้นม
Q4 : ซึมเศร้าหลังคลอดเป็นอย่างไร?
A : เศร้า เหนื่อย เบื่อ เครียด อารมณ์แปรปรวน หากเกิน 2 สัปดาห์ควรพบแพทย์
ช่วงหลังคลอดเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องการความเข้าใจและการดูแลมากที่สุด การเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ พร้อมมีคุณพ่อเคียงข้าง จะช่วยให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น และเป็นความทรงจำที่งดงามของครอบครัว



Comments