top of page

ภาวะหลังคลอด ที่คุณพ่อคุณแม่ ต้องเตรียมรับมือมีอะไรบ้าง และควรรับมืออย่างไร

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความสุข และการเตรียมตัวอย่างรอบด้าน แต่หลายครั้งคุณพ่อคุณแม่มักมุ่งความสนใจไปที่ช่วงตั้งครรภ์จนลืมว่าช่วง ภาวะหลังคลอด ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะนี่คือช่วงเวลาที่ร่างกายและจิตใจของคุณแม่ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ และคุณพ่อก็ต้องเรียนรู้บทบาทใหม่ในการดูแลครอบครัว

ภาวะหลังหลอด

หลายคู่แม้จะเตรียมพร้อมสำหรับวันคลอด แต่ก็ยังประสบปัญหาและความท้าทายหลังคลอดหลายอย่าง หากเราเข้าใจและเตรียมพร้อมล่วงหน้า ช่วงเวลาหลังคลอดจะราบรื่นขึ้น และช่วยให้แม่ฟื้นตัวเร็ว ลูกน้อยเติบโตอย่างแข็งแรง ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จัก ภาวะหลังคลอดที่พบบ่อย และวิธีรับมือสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่


ทำไมช่วงหลังคลอดจึงสำคัญกว่าที่คิด

เหตุผลที่ช่วงหลังคลอดสำคัญไม่แพ้ช่วงตั้งครรภ์ เพราะ เป็นช่วงที่กินเวลาประมาณ 6 สัปดาห์หลังคลอด แต่ผลต่อร่างกายและจิตใจอาจยาวนานเป็นเดือนหรือหลายปี มีความเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด อย่างเช่น


ภาวะหลังคลอด สำคัญ

  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนแบบรวดเร็ว : หลังคลอด ฮอร์โมนสำคัญอย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะลดลงทันที ในขณะที่ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการให้นม เช่น โปรแลคตินและออกซิโทซินเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนฮอร์โมนอย่างฉับพลันนี้ทำให้คุณแม่อาจเจออาการ

    • น้ำตาไหลง่าย อารมณ์แกว่ง

    • หงุดหงิด เหนื่อยล้า

    • สับสน เครียดง่าย


  • ร่างกายต้องฟื้นฟูหลังการคลอด : ร่างกายแม่ทำงานหนักมาหลายเดือน และเพิ่งผ่านเหตุการณ์ใหญ่ในการคลอด ไม่ว่าจะคลอดธรรมชาติหรือผ่าคลอด สิ่งที่ร่างกายต้องฟื้นตัว ได้แก่

    • แผลฝีเย็บหรือแผลผ่าท้อง

    • มดลูกหดตัวกลับสู่ขนาดปกติ

    • ระบบเลือดและฮอร์โมนกลับเข้าสู่สมดุล

    • ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง


  • เรียนรู้บทบาทใหม่ของคุณแม่มือใหม่ : หากเป็นท้องแรกนั่นแปลว่า คุณแม่กำลังเรียนรู้สิ่งใหม่ทั้งหมด เช่น การให้นมลูก การจัดการนอนกลางวัน–กลางคืนของลูก การเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือแม้แต่การเข้าใจสัญญาณร้องของลูก เป็นต้น


ดังนั้นช่วงเวลาหลังคลอดจึงค่อนข้างมีความสำคัญที่คุณพ่อ รวมไปถึงญาติพี่น้องจะต้องใส่ใจคุณแม่มากเป็นพิเศษไม่แพ้กับช่วงตั้งครรภ์เลย


ภาวะหลังคลอด ที่พบบ่อยและวิธีรับมือ

  1. ภาวะร่างกายเปลี่ยนแปลงหลังคลอด : หลังคลอด ร่างกายของคุณแม่ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วจากการตั้งครรภ์ 9 เดือน ซึ่งหลายครั้งอาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย อาการที่พบบ่อย  :

    • มดลูกหดตัว อาจมีอาการปวดท้องคล้ายปวดประจำเดือน

    • มีน้ำคาวปลา (โลเชีย) หลั่งออกมา

    • เต้านมคัด เจ็บหัวนมจากการให้นม

    • ร่างกายอ่อนเพลียจากการเสียเลือดและขาดการพักผ่อน

วิธีรับมือ :

  • พักผ่อนให้เพียงพอ แม้จะต้องตื่นให้นมลูกบ่อย ๆ

  • ประคบอุ่นบริเวณท้องหรือเต้านมเพื่อลดอาการปวด

  • ใช้ผ้าอนามัยสำหรับหลังคลอด เปลี่ยนบ่อยเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

  • ดื่มน้ำมาก ๆ และรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ ไข่แดง ผักใบเขียว


  1. ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum Depression) : ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดเกิดได้จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความเหนื่อยล้า และความกังวลเกี่ยวกับลูกน้อย สัญญาณที่สังเกตได้  :

    • รู้สึกเศร้า หมดแรง หรือหดหู่

    • ร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ

    • เบื่ออาหารหรืออาหารไม่ย่อย

    • ขาดความสนใจในกิจกรรมปกติ รวมถึงการดูแลลูกด้วย

    วิธีรับมือ  :

    • คุณพ่อควรอยู่ข้าง ๆ รับฟังและให้กำลังใจโดยไม่ตัดสิน

    • ให้คุณแม่มีเวลาพักผ่อน และทำกิจกรรมส่วนตัว

    • หากอาการรุนแรง เช่น มีความคิดทำร้ายตัวเอง ควรรีบพบแพทย์ทันที

  2. ภาวะเต้านมอักเสบ / ท่อน้ำนมตัน : อาการนี้เกิดจากการให้นมผิดท่า หรือน้ำนมคั่งค้างในเต้านม

    สัญญาณที่สังเกตได้ :

    • เต้านมบวม แดง ร้อน

    • มีไข้ต่ำถึงสูง

    • เจ็บหัวนมเมื่อลูกดูด

    วิธีรับมือ :

    • ให้นมลูกบ่อย ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลของน้ำนม

    • นวดเต้านมเบา ๆ หรือประคบอุ่นก่อนให้นม

    • หากมีไข้สูงหรือเจ็บมาก ควรพบแพทย์เพื่อรับยาปฏิชีวนะ


  3. ภาวะผมร่วงหลังคลอด  : ผมร่วงหลังคลอดเป็นเรื่องปกติ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน

    วิธีรับมือ  :

    • ใช้แชมพูอ่อนโยนสำหรับหนังศีรษะ

    • ทานอาหารที่มีโปรตีน ธาตุเหล็ก และวิตามิน B

    • ไม่ต้องกังวลเกินไป เพราะผมจะงอกกลับมาภายใน 6–12 เดือน

    ภาวะหลังคลอด ที่พบบ่อย
  4. ภาวะท้องผูก / ริดสีดวงหลังคลอด : ท้องผูกเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระบบย่อยอาหาร และการใช้แรงเบ่งขณะคลอด

    วิธีรับมือ :

    • ดื่มน้ำมาก ๆ และทานอาหารมีกากใยสูง

    • เดินเบา ๆ กระตุ้นการขับถ่าย

    • หากมีริดสีดวง ควรปรึกษาแพทย์


  5. ภาวะเหนื่อยล้า & นอนไม่พอ  : ช่วง 1–2 เดือนแรก คุณแม่จะต้องให้นมลูกทุก 2–3 ชั่วโมง ทำให้เหนื่อยล้า วิธีรับมือ  :

    • พยายามนอนพร้อมลูกเมื่อลูกหลับ

    • คุณพ่อช่วยแบ่งงานบ้านและดูแลลูกสลับช่วง

    • รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เพิ่มพลังงานจากอาหารดี ๆ เช่น ข้าวกล้อง เนื้อปลา ไข่


  6. ภาวะความสัมพันธ์ในครอบครัวเปลี่ยนไป  : บทบาทใหม่อาจทำให้คู่รักมีเวลาให้กันน้อยลง และความเครียดจากการเลี้ยงลูก อาจทำให้กระทบความสัมพันธ์

    วิธีรับมือ  :

    • พูดคุยเปิดใจ ไม่โทษกัน

    • แบ่งหน้าที่กันดูแลลูกอย่างเข้าใจ

    • ใช้เวลาสั้น ๆ ร่วมกัน เช่น ดูซีรีส์ หรือพูดคุยก่อนนอน


  7. ภาวะน้ำนมไม่พอ / ลูกดูดไม่ติดเต้า : สาเหตุอาจมาจากท่าให้นมไม่ถูก หรือความเครียดของแม่ทำให้น้ำนมผลิตมาไม่เพียงพอ

    วิธีรับมือ :

    • ให้ลูกดูดบ่อย ๆ เพื่อกระตุ้นการผลิตน้ำนม

    • นวดเต้านมเบา ๆ ก่อนให้นม

    • ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ

    • ทานอาหารที่ช่วยในการเพิ่มน้ำนม เช่น หัวปลี ข้าวกล้อง ปลาแซลมอน ปลาทูน่า เป็นต้น



บทบาทของ “ คุณพ่อ ” ที่สำคัญในช่วงหลังคลอด

หลังคลอดไม่ใช่หน้าที่ของคุณแม่คนเดียว แต่คุณพ่อก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยดูแล และเป็นฮีโร่ของคุณแม่หลังคลอดได้เลย เพียงแค่ทำตามดังนี้


บทบาทคุณพ่อ กับคุณแม่หลังคลอด

  • ช่วยอุ้มลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม กล่อมลูกน้อยนอน

  • เป็นกำลังใจ รับฟังคุณแม่ โดยไม่ตัดสิน

  • ช่วยจัดการงานบ้าน

  • สังเกตอาการหลังคลอดของคุณแม่ หากคุณแม่ผิดปกติ ควรพาไปพบแพทย์ทันที


การที่คุณพ่อช่วยแบ่งเบาแม้เรื่องเล็ก ๆ จะทำให้คุณแม่รู้สึกอบอุ่น และลดโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าได้มากเลยทีเดียว


FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะหลังคลอด

Q1 : ภาวะหลังคลอดปกติอยู่กี่สัปดาห์ ?

A : ประมาณ 6 สัปดาห์ แต่บางอาการอาจยาวถึง 3–6 เดือน เช่น ผมร่วง ฮอร์โมนไม่สมดุล


Q2 : เลือดหลังคลอดออกกี่วัน?

A : เฉลี่ย 4–6 สัปดาห์ ควรจางลงเรื่อย ๆ ถ้าเยอะผิดปกติให้พบแพทย์


Q3 : ปวดมดลูกหลังคลอดเพราะอะไร?

A : เพราะมดลูกหดตัวกลับสู่ขนาดเดิม โดยเฉพาะตอนให้นม


Q4 : ซึมเศร้าหลังคลอดเป็นอย่างไร?

A : เศร้า เหนื่อย เบื่อ เครียด อารมณ์แปรปรวน หากเกิน 2 สัปดาห์ควรพบแพทย์



ช่วงหลังคลอดเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องการความเข้าใจและการดูแลมากที่สุด การเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ พร้อมมีคุณพ่อเคียงข้าง จะช่วยให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น และเป็นความทรงจำที่งดงามของครอบครัว




Comments


bottom of page